รู้หรือไม่ แสงไฟที่ใช้ อาจทำให้คุณตาบอด

Last updated: 23 มิ.ย. 2566  |  417 จำนวนผู้เข้าชม  | 

รู้หรือไม่ แสงไฟที่ใช้ อาจทำให้คุณตาบอด

แสงไฟ มีประโยชน์มากมาย แต่ทราบหรือไม่ แสงจากไฟบางชนิด มีโทษรุนแรง โดยเฉพาะผลกระทบต่อดวงตา

1. ทุกๆ ปีมีเด็กไทยกว่า 6 แสนคน
ประสบปัญหาสายตาและมีแนวโน้มว่า
จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

2. ปัจจุบันสถิติเด็กสายตาสั้นเพิ่มขึ้น
กว่าเดิมถึง 3 เท่า และมีแนวโน้มว่า
จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เช่นกัน

3. ข้อมูลสถิติผู้พิการตาบอดทั่วโลก
มีประมาณ 36 ล้านคน และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น
3 เท่า เป็น 115 ล้านคน ภายในปี ค.ศ. 2050

4. อาการปวดตา ปวดหัว มึนหัว ตามัว
ในระหว่างการใช้สายตาคือสัญญาณเตือน
ที่หลายคนมองข้ามและปล่อยให้ลุกลาม
จนกลายเป็นปัญหาสายตาในที่สุด

5. เราชอบใช้สายตาในที่แสงไม่พอ
เช่นเล่นมือถือ อ่านหนังสือ ทำงาน
โดยให้เหตุผลว่า “ไม่เป็นไรมองเห็น”
ซึ่งนั่นคือสาเหตุหลักของตัวเลขสถิติ
ปัญหาสายตาเพิ่มขึ้นเป็นเท่าทวีคูณ

6. ปัจจุบันไม่ใช่แค่คนแก่เท่านั้น
ที่เป็นต้อกระจก ต้อหิน จอประสาทตาเสื่อม
วัยรุ่นอายุ 20 กว่าปีก็เริ่มเป็นกันแล้ว
ทั้งหมดเกิดจากพฤติกรรมการใช้สายตา
และแสงไฟในบ้านและโทรศัพท์มือถือ

7. แสงจ้า แสงสว่างที่มากเกินไปจากหลอดไฟ
หรือ Glare มีส่วนสำคัญต่อสายตา
ของผู้อยู่อาศัยในบ้าน

8. หลอดไฟหลายชนิดในบ้านเรา
ปล่อยแสงสีฟ้าออกมามากกว่าปกติ
ซึ่งส่งผลยับยั้งการหลั่งเมลาโทนิน
ในร่างกายทำให้เรานอนไม่หลับ
และมีผลต่อการทำลายจอประสาทตา

9. การนอนหลับไม่เพียงพอ
ทำให้ Growth Hormone
หลั่งไม่เป็นปกติ ส่งผลต่อการ
เจริญเติบโตของเด็กที่ผิดปกติ

10. แสงไฟกระพริบ หรือ Flicker
มีผลต่อดวงตาในระยะยาว
โดยอาการที่พบได้จากการใช้สายตา
ภายใต้แสงกระพริบคือเราจะมึนหัว

11. ดวงตาเป็นอวัยวะเดียวที่คนเรา
มักไม่ค่อยใส่ใจตรวจสุขภาพ
ทั้งที่แพทย์แนะนำให้ควรตรวจ
อย่างน้อยปีละครั้ง

12. ถ้าไม่อยากให้ดวงตาเป็นอะไรไป
เราจึงควรหันกลับมาใส่ใจกับการ
เลือกดูแลดวงตาตัวเองและคนชิดใกล้
รวมถึงพิถีพิถันกับการเลือกใช้หลอดไฟ
ที่ปลอดภัยมากที่สุดสำหรับคนในครอบครัว

Powered by MakeWebEasy.com
มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อประสบการณ์ที่ดีในการใช้งาน นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้